'รับส่งเด็กน้อย' ทำเงิน 543 ล้าน เจาะไอเดียความคิดให้เป็นธุรกิจแบบสาวสตรองแห่ง Zūm

Last updated: 2 พ.ย. 2561  |  796 จำนวนผู้เข้าชม  | 

'รับส่งเด็กน้อย' ทำเงิน 543 ล้าน เจาะไอเดียความคิดให้เป็นธุรกิจแบบสาวสตรองแห่ง Zūm

จุดเริ่มต้นของธุรกิจรับส่งเด็กที่ช่วยแก้ปัญหาความไม่มีเวลาของพ่อแม่ อะไรคือแนวคิดแรกเริ่มที่ทำให้ Zūm กลายเป็นธุรกิจที่นักลงทุนจับมาตามอง เราจะพาคุณไปหาคำตอบ

“เสรีภาพในการเลือก” คือสิ่งเดียวที่อยู่ในความคิดของ Ritu Narayan ยามที่เธอจากบ้านเกิดที่อินเดียมาตอนที่ยังเป็นเพียงเด็กสาว ในวัยเด็กความฝันของเธอคือการเป็น 'นักบินอวกาศ' นั่นทำให้เธอกลายเป็น 1 ใน 6 ของผู้หญิงในชั้นเรียนวิศวกรรมที่มีนักศึกษาอยู่กว่า 300 คน Ritu Narayan กลายเป็นวิศวกรคนแรกของครอบครัว

หากนี่เป็นไปตามบทละคร ชีวิตของเธอคงเหมือนการดิ้นรนจากจุดเริ่มต้นที่ไร้ซึ่งทางเลือก และกลายเป็นตัวละครที่กำหนดเส้นทางชีวิตของตนเอง แต่เมื่อถึงจุดที่เริ่มสร้างครอบครัวของตัวเอง เธอกลับรู้สึกว่า การเลือก ที่เธอยึดถือดูจะตัดสินยากเข้าไปทุกที โดยเฉพาะเมื่อฐานะของ ‘ผู้หญิงทำงาน’ ถูกเบียดด้วยฐานะของ ‘แม่’

“มันเป็นเรื่องยากมากที่จะเลือกใครที่ไว้ใจได้ไปรับลูกกลับบ้าน และมันก็ยุ่งยากเป็นที่สุดเมื่อเราทั้งต้องตั้งใจทำงาน และดูแลเด็กไปพร้อมกัน” Ritu Narayan ผู้ก่อตั้ง Zūm กล่าว

“ฉันทำงานอยู่ที่ eBay ตอนที่ลูกสาวเพิ่งเริ่มเข้าโรงเรียน เวลาที่ฉันไม่ว่าง มันเป็นเรื่องยากมากที่จะเลือกใครสักคนที่ไว้ใจได้ไปรับเธอกลับบ้าน และมันก็ยุ่งยากเป็นที่สุดเมื่อเราทั้งต้องตั้งใจทำงาน และก็ดูแลเด็กไปพร้อมกัน” Ritu Narayan นักธุรกิจสาวผู้ก่อตั้ง Zūm กล่าว

ความกังวลเล็ก ๆ นี้คือสิ่งที่จุดประกายความคิดของ Narayan เธอตระหนักได้ว่า เธอไม่ใช่ working women คนเดียวที่ต้องเผชิญกับปัญหานี้ ยังมีครอบครัวอีกกว่า 63 ล้านครอบครัวในสหรัฐที่พ่อแม่ต้องเสียเวลาเป็นพันชั่วโมงต่อปีไปกับการขับรถไปส่งลูกที่โรงเรียน รวมถึงไปรับกลับบ้าน

41 % ของพวกเขายังพบว่ามันเป็นเรื่องยากมากที่จะทุ่มเทให้กับความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน และในขณะเดียวกันก็ต้องดูแลเด็กไปด้วย

รูปแบบธุรกิจของ Zūm จึงไม่ต่างกับ "Uber สำหรับเด็ก" หรือบริการรถรับ-ส่งเด็กไปโรงเรียน โดยที่พ่อแม่ที่มีเวลาน้อยจะได้ไม่ต้องพาลูกไปเอง เป็นแอปพลิเคชันที่ชูธงหลักในเรื่อง "ความปลอดภัย" คนขับทุกคนมีประวัติบันทึกไว้ชัดเจน ไว้ใจได้ มีรูปถ่าย และข้อมูลคร่าวๆ ให้เหล่าผู้ปกครองได้อ่านก่อนที่จะตัดสินใจเลือกใช้บริการ

Zūm ออกตัวว่าพวกเขาสามารถไปรับ-ส่งลูกๆ ของคุณจากที่โรงเรียน หรือที่เรียนพิเศษ เด็กๆ สามารถชวนเพื่อนๆ ขึ้นรถมาไปเที่ยวหรือไปไหนก็ได้ ภายใต้การดูแลของคนขับ เพราะคนขับรถของ Zūm พร้อมทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยง และเพื่อนของเด็กๆ ไปด้วย ส่วนใหญ่ผู้ใช้บริการจึงเน้นใช้งานแบบระยะยาวกับคนขับคนเดิมๆ มากกว่าการรับ-ส่งเพียงวันหรือโอกาสเดียว
.
วิสัยทัศน์ด้านธุรกิจของ CEO แห่ง Zūm คือการสร้างความไว้ใจแก่เหล่าพ่อแม่ที่ต้องทำงานหนัก โดยการมอบคนที่สามารถขับรถได้อย่างปลอดภัยและเชื่อถือได้มารับ-ส่งลูก ๆ ของพวกเธอ

"ผู้หญิงไม่ควรต้องตัดสินใจลาออกจากงานเพื่อมาดูแลเด็ก" Narayan กล่าว

จากจุดเริ่มต้น สู่โอกาสธุรกิจครั้งยิ่งใหญ่
เพียงแค่จุดเริ่มต้นเล็กน้อยแค่นี้ แต่เป้าหมายของ Zūm ก็ชัดเจนมากพอแล้ว จุดพลิกผันครั้งใหญ่คือการที่เธอได้พบกับ Miriam Rivera ผู้ที่ช่วยสนับสนุนด้านการลงทุนจนทำให้ธุรกิจ Zūm เป็นรูปเป็นร่าง และขยายตัวได้อย่างรวดเร็ว Narayan กล่าวถึงผู้ลงทุนรายแรก ๆ ของเธอว่า หลักจากที่ในหัวมีแต่แนวคิด และแผนการคร่าวๆ มานาน อีกฝ่ายก็ก้าวเข้ามา และคาดการณ์ให้ได้ว่าเราจะไปได้ไกลแค่ไหนกับธุรกิจนี้ ทั้งยังเปรียบเทียบธุรกิจเรากับ Google ในช่วงแรกอีกด้วย

"เรามักมองหาผู้ก่อตั้งที่มีเรื่องราวส่วนตัวแฝงอยู่ในธุรกิจ" - Bryan Schreier, Sequoia Capital

Bryan Schreier หุ้นส่วนของ Sequoia Capital ผู้ที่ร่วมลงทุนกับ Zūm ไปกว่า 5.5 ล้านเหรียญใน Series A ของปี 2017 กล่าวว่า "เรามักมองหาผู้ก่อตั้งที่มีเรื่องราวส่วนตัวแฝงอยู่ในธุรกิจ และ Ritu ก็สร้างบริษัทนี้จากประสบการณ์ของตัวเอง ในฐานะผู้ปกครองที่ยุ่งกับการทำงานจนไม่มีเวลาไปรับ-ส่งลูกๆ เธอได้เสนอทางออกที่น่าสนใจ และดูเหมือนจะช่วยไขปัญหาของครอบครัวสมัยใหม่ได้"

ใน Serie B พวกเขาได้เงินลงทุนไปอีกกว่า 19 ล้านเหรียญ จาก Spark Capital และนั่นทำให้ Ritu Narayan หลายเป็นหนึ่งในผูู้ก่อตั้งหญิงไม่กี่คน ที่ประสบความสำเร็จด้านการระดมทุน หากเทียบกับปี 2017 ที่ผ่านมา ซึ่งมีธุรกิจที่มีผู้ก่อตั้งเป็นผู้หญิงแค่ 17% แถมยังฟันเงินลงทุนไปได้เพียง 8% จากทั้งหมด

โมเดลธุรกิจ คือการสร้างพันธมิตร
Zūm ใช้โมเดลธุรกิจที่น่าสนใจ คือการบุกเข้าไปเป็นพันธมิตรกับโรงเรียนกว่า 800 แห่ง เพื่อนำเสนอทางออกให้แก่ผู้ปกครองที่ยังประสบปัญหานี้ ในอนาคต Zūm ยังมีแผนที่จะขยายฐานพันธมิตรเข้าไปตามโรงเรียนในเมืองใหญ่ๆ ของ California และจะขยายการให้บริการไปในอีก 20 พื้นที่ในอเมริกา ภายในปี 2019 อีกด้วย

ใครจะไปนึกว่าปัญหาส่วนตัวเล็ก ๆ จะสามารถจุดประกายความคิดธุรกิจยิ่งใหญ่ได้ แต่นี่ก็เป็นเรื่องที่มักเกิดขึ้นในวงการธุรกิจเสมอ เพียงแค่มองเห็นช่องว่าง และสร้างธุรกิจที่สามารถเข้ามาตอบโจทย์ปัญหาเหล่านั้น อย่ารอช้า กระตุ้นตัวเองให้ช่างสังเกตกว่านี้หน่อย คุณอาจจะกลายเป็นผู้ริเริ่มสิ่งที่ยิ่งใหญ่ไปโดยไม่รู้ตัวก็ได้

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้